Skip to main content

รอยแตกลายเกิดจากอะไร พร้อมวิธีรักษาให้ผิวเนียนสวย

รอยแตกลายเกิดจากอะไร พร้อมวิธีรักษาให้ผิวเนียนสวย

1.jpg

รอยแตกลายสร้างความเครียดให้กับสาว ๆ หลายคนไม่น้อย เพราะมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกวัย ไม่เพียงแค่กับคนที่มีน้ำหนักมากหรือการตั้งครรภ์เท่านั้น ใครที่ประสบปัญหานี้อยู่วันนี้เรามีทริคป้องกันและฟื้นฟูให้รอยแตกลายจางลงมาฝาก ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับสาเหตุการเกิดรอยแตกลายเพื่อการดูแลผิวอย่างถูกต้องกันก่อนเลย

ผิวแตกลาย รอยแตกลาย คืออะไร

ผิวแตกลาย หรือ รอยแตกลาย คือรอยแผลเป็นชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากผิวหนังยืดหรือหดตัวอย่างรวดเร็วทำให้เนื้อผิวหนังแท้ฉีดขาด มักเกิดบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่จำนวนมาก เช่น ต้นแขน, หน้าอก, หน้าท้อง, ต้นขา, สะโพก, และน่อง ในช่วงแรกผิวแตกลายจะมีลักษณะเป็นเส้นสีแดงหรือม่วง เมื่อเวลาผ่านไปจะลดลงเป็นสีอ่อน ๆ จนกลายเป็นสีขาว

ผิวแตกลาย รอยแตกลาย คืออะไร

  1. สรีระร่างกายที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงวัยรุ่น
  2. การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดรอยแตกลาย
  3. ฮอร์โมนและการขยายตัวของผิวระหว่างการตั้งครรภ์
  4. การออกกำลังกายแบบ Weight Training ที่ใช้น้ำหนักสูงเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังฉีกขาด ส่งผลให้เกิดปัญหารอยแตกลายได้
  5. ความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น โรคคุชชิ่ง (ผู้ป่วยจะอ้วนผิดปกติ) หรือโรคมาร์แฟน (ผู้ป่วยจะผอมผิดปกติ) โรคเหล่านี้อาจส่งผลให้ผิวหนังเสียหาย
  6. อายุที่เพิ่มมากขึ้น ผิวมักจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น
  7. ไม่ดูแลผิวอย่างถูกต้อง เช่น หลังจากอาบน้ำหรือการออกกำลังกายอาจทำให้ผิวแห้งขาดน้ำ หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดอาการแพ้และผิวแตกลายได้

ประเภทของรอยแตกลาย

  • รอยแตกลายแดง (Striae Rubra) คือ รอยแตกลายใหม่ที่เกิดจากการยืดหดตัวของร่างกายที่เร็วเกินไป มีลักษณะนูนบาง มีสีแดง สีม่วง ไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม สามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่ารอยแตกสีขาว
  • รอยแตกลายขาว (Striae Alba) คือ รอยแตกลายที่เกิดขึ้นมานานแล้วจนกลายเป็นสีขาว บ้างก็มีรอยบุ๋มลงไปบนผิวหนัง เป็นรอยแตกลายที่หายยากกว่ารอยแตกลายแดง

วิธีรักษารอยแตกลาย

1. ใช้ครีมลดรอยแตกลายอย่างสม่ำเสมอ

เลือกใช้ครีมลดรอยแตกลายที่มีส่วนผสมของวิตามิน A และ E ในการช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่และกักเก็บความชุ่มชื้นไม่ให้ผิวแห้งกร้าน ทำให้รอยแตกลายจางลง

2. บำรุงผิวไม่ให้ขาดชุ่มชื้น

หมั่นบำรุงผิวด้วยจอห์นสัน มิลค์ + ไรซ์ เบบี้ โลชั่น ที่ผสานคุณค่าน้ำนมธรรมชาติเข้มข้นขึ้น 100%* และสารสกัดจากข้าว ช่วยบำรุงและปกป้องผิว ชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชั่วโมง* นอกจากนี้ยังอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว ใช้ได้แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย

*ผลทดสอบทางคลินิค ในผู้ทดสอบ 40 คน โดย CyberDERM Clinical Studies เดือน มี.ค.- เม.ย. 2560 ประเทศสหรัฐอเมริกา ทดสอบในโลชั่น

3. สครับผิวให้เนียนนุ่ม

การสครับผิวทำให้เซลล์ผิวเก่าที่เสียหายถูกขจัดออกไปและเกิดเป็นเซลล์ผิวใหม่ที่มีความยืดหยุ่น พร้อมรับการบำรุงในขั้นต่อไป โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA และวิตามิน C เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการลดรอยแตกลายและบำรุงผิวให้ดูนุ่มเรียบเนียน

4. เลเซอร์รอยแตกลาย

การเลเซอร์ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่ ฟื้นฟูผิว ลดความเข้มของรอยแตกลายได้อย่างรวดเร็ว ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสภาพผิวรอยแตกลายและความเหมาะสมในการใช้เลเซอร์ หลังทำควรฟื้นฟูผิวด้วยครีมที่มีวิตามิน C หรือ E และหลีกเลี่ยงแสงแดดที่อาจก่อให้เกิดรอยแตกลายใหม่ได้

5. ทำ Carboxytherapy

Carboxytherapy คือการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Dioxide) ที่เป็นส่วนผสมหลักลงในชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยทำลายเซลล์ไขมันเฉพาะจุด นอกจากนี้ยังเสริมสร้างคอลลาเจนและกระตุ้นการหมุนเวียนเลือด ทำให้รอยแตกลายลดลง สีผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น

วิธีป้องกันรอยแตกลาย

1.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากช่วยให้สุขภาพดีแล้วยังเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวหนังและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดทำให้ผิวดูเนียนใส

2.ดื่มน้ำให้เพียงพอและทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น อาหารที่มีวิตามิน C ซึ่งช่วยในกระบวนการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและช่วยรักษาความชุ่มชื้น

3.ดูแลผิวหลังอาบน้ำอย่างถูกวิธี เพราะหลังอาบน้ำเป็นช่วงที่ผิวแห้งและขาดน้ำที่สุด ควรทาจอห์นสัน เบบี้ ออยล์ สีชมพู หลังอาบน้ำทันทีขณะที่ตัวยังเปียกอยู่ เพื่อช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้นานขึ้น จากนั้นจึงบำรุงต่อด้วยโลชั่นจอห์นสันเบบี้ เพื่อปกป้องให้ผิวชุ่มชื้นตลอด 24 ชม.

*ผลการทดสอบทางคลินิค ในผู้ทดสอบ 40 คน โดย CyberDERM Clinical Studies ประเทศสหรัฐอเมริกา เดือน มี.ค.-เม.ย. 2560

4.ควบคุมการทานอาหารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วที่อาจมีผลกระทบต่อผิวได้

5.หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารสเตียรอยด์ เพราะสารนี้จะไปทำลายเซลล์ในผิวหนังให้แตกตัวและทำลายโครงสร้างของเซลล์ผิว ทำให้ผิวบาง เส้นเลือดแตกง่าย ส่งผลให้อาจเกิดผิวแตกลายได้

6.คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรรับประทานอาหารที่มีสารอาหารสำคัญ เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีน และวิตามิน เพื่อสุขภาพที่ดีและเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ผิว และควบคุมน้ำหนักให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่คุณหมอแนะนำเพื่อไม่ให้ผิวหนังยืดขยายเร็วเกินไปซึ่งอาจส่งผลต่อการเกิดผิวแตกลาย

การป้องกันและรักษารอยแตกลายในผิว ควรดูแลผิวจากทั้งภายในและภายนอก โดยรับประทานอาหารที่มีสารอาหารเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณสมบัติเด่นเรื่องความชุ่มชื้นนอกจากนี้ควรปกป้องผิวจากแสงแดด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนไม่เกิดเป็นรอยแตกลายใหม่ได้อีก

ใครที่มีโอกาสเป็นรอยแตกลาย?

A: ทุกคนมีโอกาสเกิดรอยแตกลายได้ เพราะรอยแตกลายเกิดจากการยืดหยุ่นของผิวที่เกิดความตึงตัวเกินกว่าที่ผิวสามารถรับได้ ส่วนมากเกิดในผู้ที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรือตั้งครรภ์ รวมถึงคนที่มีภูมิคุ้มกันของผิวอ่อนแอ ผิวขาดความชุ่มชื่น ควรรักษาผิวให้คงความชุ่มชื่นและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวเพื่อลดโอกาสเกิดรอยแตกลาย

รอยแตกลายสามารถหายขาดได้ไหม

A: การดูแลผิวอย่างใกล้ชิดโดยใช้ครีมบำรุงผิวและการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว อาจช่วยบรรเทาให้รอยแตกลายลดลงและเนียนขึ้น แต่ไม่สามารถหายขาดได้ อย่างไรก็ตามควรระมัดระวังและป้องกันไม่ให้เกิดรอยแตกลายใหม่ในสภาพที่ผิวยืดหยุ่นมาก