Skip to main content

วิธีกล่อมลูกนอนอย่างไร ให้ลูกนอนหลับยาว

Toddler Sleep

วิธีกล่อมลูกนอนอย่างไร ให้ลูกนอนหลับยาว

การกล่อมลูกน้อยในวัยหัดเดินเข้านอนและหลับยาวอย่างมีความสุขได้ บางครั้งก็เป็นเรื่องยาก เพื่อให้แน่ใจได้ว่า ลูกน้อยจะได้หลับเพียงพอตามที่ร่างกายต้องการเพื่อให้แข็งแรงและมีความสุข คุณควรต้องรักษากิจวัตรการเข้านอนไว้ เพื่อกล่อมให้พวกเขาหลับและยังกระชับความผูกพันระหว่างคุณกับลูกด้วย

ความสำคัญ ของการฝึกลูกนอนยาว

ในฐานะพ่อแม่ เราทุกคนรู้ดีว่าการนอนมีความสำคัญต่อลูกน้อยของเราเพียงใด ไม่ใช่แค่ให้ลูกน้อยได้พักผ่อน แต่ยังจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกด้วย อย่างไรก็ตาม การให้พวกเขาได้นอนหลับเป็นเวลานานอาจเป็นเรื่องยาก เพราะอาจเคยชินกับการตื่นนอนบ่อยๆ ในบทความนี้ เราจะพูดถึงเคล็ดลับในการฝึกลูกให้นอนยาวขึ้น

ฝึกลูกนอนยาว ควรเริ่มตอนกี่เดือน

การฝึกลูกนอนยาว สามารถเริ่มฝึกการนอนได้ระหว่างอายุ 4-6 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงที่ทารกเริ่มพัฒนารูปแบบการนอนที่สม่ำเสมอมากขึ้น อย่างการนอนได้นานตั้งแต่ 6-8 ชั่วโมง โดยลูกน้อยจะเริ่มเรียนรู้ช่วงเวลากลางวัน-กลางคืน แต่ในช่วงอายุก่อน 1-4 เดือนแรก หากลูกน้อยนอนยาวเกิน 4 ชั่วโมง คุณแม่ควรปลุกลูกน้อยมาดื่มนมคุณแม่ เพื่อป้องกันน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป

เคล็ดลับกล่อมลูก ฝึกลูกนอนยาวตลอดคืน

แชร์เคล็ดลับการกล่อมลูก ฝึกลูกนอนยาวเพื่อให้แน่ใจได้ว่าลูกของคุณจะได้พักผ่อนและนอนหลับอย่างเพียงพอ ลองทำตามคำแนะนำสำหรับช่วงเวลานอน ดังนี้

1. สอนให้ลูกรู้จักกลางวัน-กลางคืน

ตลอดเวลาที่ลูกน้อยอยู่ในท้องแม่เป็นเวลานาน เมื่อคลอดออกมาแล้ว เป็นธรรมดาที่เขายังไม่สามารถแยกระหว่างกลางวันและกลางคืนได้ คุณแม่จึงควรสอนให้ลูกรู้ว่า กลางวันคือ ช่วงเช้าที่แสงแดดส่อง อาจพาลูกน้อยไปนอกบ้าน เดินเล่นในสวน ได้ยินเสียงต่างๆ หรือทำกิจกรรม เพื่อให้ลูกน้อยรู้ว่าเป็นช่วงเวลาตื่น และเวลา กลางคืน ควรปรับให้อยู่ในสภาพแวดล้อมให้ลูกรู้ว่า ใกล้เวลานอนแล้ว อย่างการปิดไฟมืด ห้องนอนเงียบ พร้อมสำหรับการนอน

2. การห่อตัวด้วยผ้าที่อ่อนนุ่ม

การห่อตัวสามารถช่วยให้ความรู้สึกปลอดภัยและสบายตัวสำหรับทารกแรกเกิดและเด็กเล็ก การห่อเด็กไว้ในผ้าห่มหรือผ้านุ่มที่มีน้ำหนักเบาสามารถจำลองความรู้สึกเหมือนอยู่ในครรภ์ได้

3. การโยกหรือแกว่งเบาๆ

ทารกหลายคนรู้สึกสบายเมื่อมีการเคลื่อนไหวเบาๆ เช่น การโยกหรือแกว่งเบาๆ ผู้ปกครองสามารถลองโยกลูกน้อยในอ้อมแขน หรือใช้เก้าอี้โยก, เปลเด็กหรือเปลโยกเบาๆ

4. การร้องเพลงกล่อมเด็ก

การร้องเพลงกล่อมเด็กที่นุ่มนวลและผ่อนคลายเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลในการทำให้ทารกสงบ ควรเลือกท่วงทำนองเพลงกล่อมเด็กที่นุ่มนวลหรือเพลงกล่อมเด็กแบบดั้งเดิมและร้องเพลงซ้ำๆได้

5. ใช้จุกนมหลอกในเวลานอน

ทารกบางคนรู้สึกสบายใจเวลาดูดนมหรือสิ่งต่างๆ ดังนั้นการให้จุกนมหลอกจะช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายและหลับไปได้ง่าย

6. เวลาเข้านอนกับลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญ

แม้เด็กในวัยหัดเดินส่วนใหญ่จะเรียนรู้ที่จะนอนยาวในตอนกลางคืน แต่การเปลี่ยนแปลง และเหตุการณ์ที่ก่อความเครียดทางอารมณ์ อย่างการเปลี่ยนจากนอนในเปลมานอนบนเตียงตอนที่ยังเล็กเกินไป การเดินทางหรืออาการเจ็บป่วย ก็อาจจะเป็นสาเหตุของความถดถอยชั่วคราวได้ หรือสามารถตื่นขึ้นมาระหว่างหลับได้

7. สร้างกิจวัตรในยามค่ำคืน

กำหนดกำหนดเวลา 20-45 นาที ให้เป็นกิจวัตรก่อนเข้านอน จะช่วยให้ลูกน้อยของคุณง่วงและเป็นสัญญาณว่าได้เวลาผ่อนคลายและเตรียมตัวนอนได้แล้ว คุณควรต้องทำตามรูปแบบกิจวัตรที่เหมือนๆ ทุกๆ คืนอย่างสม่ำเสมอ ลูกของคุณจะรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อรู้ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นต่อจากนั้น และต้องให้แน่ใจว่ากิจวัตรก่อนการเข้านอนนั้น จะนำไปสู่ทิศทางเดียวกัน นั่นคือ เตียงนอน อย่างการทำ กิจวัตรก่อนนอน* 3 ขั้นตอน

  • การอาบน้ำอุ่น ด้วย สบู่เหลวสีม่วง จอห์นสัน เบดไทม์ เบบี้ บาธ จะช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลายระหว่างอาบน้ำ และช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยคุณค่าเนเชอรัล คาร์ม อโรม่า จากดอกมะลิและลิลลี่ พร้อมรับการบำรุงขั้นต่อไปอย่างเต็มที่
  • การนวดผ่อนคลายด้วยเบบี้ออยล์เบาๆ ด้วย จอห์นสัน เบดไทม์ เบบี้ ออยล์ นั้นช่วยให้ลูกน้อยผ่อนคลายสบายผิวไปกับกลิ่นอ่อน ๆ จากดอกมะลิ และดอกลิลลี่ ทั้งยังเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึกด้วยการนวด คลึงเบบี้ออยล์ให้ค่อย ๆ ซึมลงสู่ผิวลูกน้อย
  • ช่วงเวลาที่เงียบสงบปราศจากเสียงรบกวน ก็ช่วยให้ลูกรู้สึกเคยชิน และหลับได้ง่ายขึ้นด้วย

*กิจวัตรก่อนเข้านอน คือ การอาบน้ำ นวดสัมผัส และการกล่อมนอน

อ้างอิง: Journal SLEEP 2009; 32:599-606

8. สร้างตารางเวลาที่เป็นกิจวัตรในการนอน

สำหรับการงีบ และนอนหลับ ในช่วงเวลากลางวัน ควรหลีกเลี่ยงการงีบหลับในช่วงบ่ายแก่ๆ เพราะอาจทำให้ลูกน้อยตื่นขึ้นมาช่วงกลางดึกได้

9. การสร้างบรรยากาศก่อนนอน

สภาพแวดล้อมที่ลูกนอนหลับ มีส่วนสำคัญต่อคุณภาพการนอนหลับของพวกเขา ตรวจสอบให้แน่ใจว่าห้องมืด เงียบ และเย็นพอที่จะส่งเสริมการนอนหลับ ลงทุนในเครื่องนอนที่นุ่มสบาย เช่น ฟูกและหมอนนุ่มๆ เพื่อช่วยให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและหลับสบาย

อีกบรรยากาศนึงที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ “การสร้างกลิ่นหอม” เพื่อช่วยผ่อนคลาย ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศให้ลูกน้อยหลับง่ายขึ้น ด้วย โลชั่น จอห์นสัน เบบี้ เบดไทม์ สีม่วง ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกมะลิและดอกลิลลี่ สามารถช่วยให้ลูกน้อยของคุณหลับง่าย* และยาวนานตลอดคืน

*ซึ่งได้รับการพิสูจน์ทางคลินิกแล้วว่าช่วยลูกน้อยรู้สึกหอมผ่อนคลายสบายผิวก่อนเข้านอน

10. การทานนม หรืออาหารให้อิ่มท้องก่อนอน

การทานนม หรืออาหารให้อิ่มท้องก่อนนอนเป็นอีกวิธีหนึ่ง โดยการเพิ่มอาหารที่มีพลังงานเยอะ จะช่วยให้ลูกน้อยอิ่มท้องนานไปจนถึงกลางคืน เพราะบางครั้งที่ลูกน้อยตื่นกลางดึกอาจเกิดจากการทานนมไม่เพียงพอก็เป็นได้

11. หลีกเลี่ยงการกระตุ้นมากเกินไป

ลดเสียงดัง แสงจ้า และกิจกรรมที่มากเกินไปก่อนนอน ทำกิจกรรมสงบๆ ที่ช่วยให้ลูกน้อยคลายเครียด เช่น เล่นเบาๆ หรืออ่านหนังสือให้ฟัง

12. มีความอดทน และสม่ำเสมอ

ความอดทน และสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญในการฝึกลูกให้นอนยาว หลับได้นานขึ้น ปฏิบัติตามกิจวัตรการเข้านอนและตื่นนอนทุกวันแม้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ และอดทนเมื่อลูกอาจร้องไห้หรืองอแง กลางดึก เพราะความเคยชินอยากทานนมตอนกลางคืน ความอดทน และสม่ำเสมอนี้จะช่วยให้นาฬิกาภายในของลูกปรับตัวได้ ทำให้พวกเขานอนหลับได้นานขึ้นได้ง่ายขึ้น

การฝึกลูกน้อยให้นอนยาว หลับนานขึ้นต้องใช้ความอดทนและความสม่ำเสมอ คุณควรต้องทำตามรูปแบบกิจวัตรที่เหมือนๆ ทุกๆ คืนอย่างสม่ำเสมอ ลูกของคุณจะรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อรู้ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นต่อจากนั้น และต้องให้แน่ใจว่ากิจวัตรก่อนการเข้านอนนั้น จะนำไปสู่ทิศทางเดียวกัน แรกๆ อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย และค่อยๆปรับเวลาในการนอนของลูกน้อยให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ทั้งนี้ปัจจัยภายนอกเองก็สำคัญเช่นกัน อย่างเครื่องนอนที่นุ่มสบาย ห้องที่เงียบสงบปราศจากเสียงรบกวน และบรรยากาศที่ผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอม อย่าง Johnson’s Baby Bedtime Lotion ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยของคุณหลับสบายยาวนานตลอดคืน หากคุณแม่สามารถช่วยให้ลูกได้นอนหลับได้อย่างที่ต้องการแล้ว ลูกน้อยของคุณก็จะสามารถเจริญเติบโต และมีพัฒนาการที่เหมาะสม

Logo Baby Center

อ่านเคล็ดลับจากพ่อแม่คนอื่นที่ได้เรียนรู้วิธีที่จะช่วยให้ลูกน้อยวัยหัดเดินได้หลับ และหลับยาว ใน BabyCenter®

คุณแม่ทั่วโลกไว้วางใจ JOHNSON’S® ให้ดูแลลูกน้อย

เรามุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับคุณแม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ และนักวิทยาศาสตร์ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะยังคงบรรลุมาตรฐานสูงสุดในด้านความปลอดภัย คุณภาพ และความใส่ใจ