Skip to main content

6 ผื่นคัน ที่ต้องระวัง เกิดจากอะไร ควรรับมืออย่างไรดี

6 ผื่นคัน ที่ต้องระวัง เกิดจากอะไร ควรรับมืออย่างไรดี

6-4-1-1.jpg

คนไทยหลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับปัญหา ‘ผื่นคัน’ ที่เกิดจากอากาศร้อนเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามยังมีผื่นคันประเภทโรคผิวหนังจำนวนมากที่มีอาการคล้ายกับผื่นคันทั่วไป จะรู้ได้อย่างไรว่าผื่นคันแบบไหนที่ควรระวัง และมีวิธีการดูแลผิวอย่างไร มาเช็คอาการเบื้องต้นกันเลย

สาเหตุของผื่นคันเกิดขึ้นจากอะไร

  • พันธุกรรมและความเครียด

หากสมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นภูมิแพ้มักมีโอกาสเกิดอาการแพ้และมีผื่นคันได้ง่าย นอกจากนี้ความเครียดยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ส่งผลให้ผื่นที่ขึ้นตามตัวอาการแย่ลงได้

  • สิ่งแวดล้อมภายนอก

การสัมผัสกับตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ เช่น ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่น ขนสัตว์ หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมไปถึงการใช้สารเคมีในชีวิตประจำวันอย่างน้ำยาซักผ้า สบู่ หรือครีมบำรุงผิว อาจทำให้มีอาการคันมากขึ้น นอกจากนี้การติดเชื้อทางผิวหนังที่เกิดจากเชื้อโรค เช่น เชื้อราและแบคทีเรีย ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดผื่นได้เช่นกัน

6-4-2.jpg

ลักษณะ อาการผื่นคัน

อาการผื่นคันอาจมีได้หลากหลาย เช่น ผิวหนังบวมแดงเป็นปื้น ระคายเคืองหรือคันบริเวณผื่น ปวด แผลพุพอง ผิวหนังลอก บางรายอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดข้อ เจ็บคอ เป็นไข้ หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ทันที

ประเภทของผื่นคัน

  1. ผื่นคันแดงขึ้นตามตัว

มีลักษณะเป็นผื่นแดงหรือตุ่มพองใสสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดอาการคันหรือผิวหนังลอกได้ ผื่นประเภทนี้เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคผิวหนัง การติดเชื้อ แมลงสัตว์กัดต่อย การแพ้ฝุ่น การแพ้อาหารหรือยา รวมไปถึงการสัมผัสกับสารระคายเคืองต่าง ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือเครื่องสำอาง

6-4-3.jpg

  1.  ผื่นลมพิษ

ผื่นลมพิษเกิดจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นหรือภาวะความเครียด ซึ่งมีลักษณะเป็นผื่นแดงจำเพาะและบวมนูนไม่มีขุย โดยมีขนาดที่แตกต่างกันออกไป อาจมีลักษณะคล้ายยุงกัด ปรากฏได้ทั่วบริเวณร่างกายและใบหน้า และจะหายไปภายใน 2-3 วัน

  1. ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ

มีลักษณะเป็นตุ่มแข็งใสขึ้นเป็นกลุ่ม บนนิ้วมือ ฝ่ามือ และฝ่าเท้า อาจมีอาการปวด แสบและคัน ควรระมัดระวังไม่เกาแรง ๆ เพราะตุ่มน้ำอาจจะแตกและก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ โดยปกติแล้วจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์ มักพบบ่อยในกลุ่มคนที่เป็นโรคภูมิแพ้และผู้ที่มีความเครียดสูง

  1. ผื่นตุ่มพองน้ำใส

ผื่นตุ่มพองน้ำใสเกิดจากการติดเชื้อบางชนิดหรืออาจเป็นภาวะภูมิคุ้มกันร่างกายต่อต้านตัวเอง โดยมีลักษณะเป็นตุ่มใสขึ้นทั่วบริเวณร่างกาย ส่งผลให้มีอาการคัน เจ็บและแสบ หากตุ่มน้ำแตกผิวหนังจะถลอกและเป็นแผล ซึ่งอาจเกิดการติดเชื้ออื่น ๆ ร่วมด้วยได้

6-4-4.jpg

ผื่นมีจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง
  1. ผื่นมีจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง (Vasculitis)

มีลักษณะเป็นผื่นแดงนูน เป็นจ้ำเลือดคล้ายตาข่าย ในบางรายอาจมีตุ่มที่มีเลือดอยู่ด้านใน ผื่นนี้เกิดจากเส้นเลือดฝอยอักเสบ มักมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตามข้อ และเป็นไข้ร่วมด้วย หากเป็นผื่นลักษณะนี้ ควรสังเกตความรุนแรงของอาการอย่างใกล้ชิดหรือเข้ารับการรักษาจากแพทย์โดยตรง

  1. ผื่นแดงตาข่าย หรือเส้นใยเล็ก ๆ (Livedo Reticularis )

มีลักษณะเป็นผื่นม่วงแดงคล้ายตาข่ายร่างแห เกิดจากโรคหลอดเลือดอักเสบ ซึ่งส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลายไม่ทั่วถึงอาจทำให้เนื้อเยื่อตายได้ สำหรับใครที่เป็นผื่นชนิดนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง

วิธีดูแลรักษา บรรเทาอาการผื่นแดงคัน

1. รักษาความสะอาดของผิวหนัง

การรักษาความสะอาดของผิวหนังอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญเมื่อเป็นผื่นคัน โดยอาบน้ำในอุณภูมิที่เหมาะสมไม่เย็นหรือร้อนเกินไป และใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่อ่อนโยนต่อผิวหนังอย่าง จอห์นสัน คอตตอนทัช ท็อปทูโท บาธ ที่มีคุณสมบัติจากฝ้ายธรรมชาติ 100% ช่วยปรับค่า pH ให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย นอกจากจะช่วยชะล้างสิ่งสปกปรกแล้ว ยังช่วยปกป้องไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นจากการอาบน้ำและช่วยบรรเทาอาการคันระคายเคือง

2. ทาครีมบำรุงผิว

การอาบน้ำจะไปชะล้างน้ำมันธรรมชาติบนผิวทำใ้ห้ผิวแห้งกร้าน หลังอาบน้ำทุกครั้งควรรักษาระดับความชุ่มชื้นเพื่อให้ผิวสุขภาพดีทั้งผิวหน้าและผิวกาย โดยการบำรุงผิวด้วย จอห์นสัน เบบี้ ครีม ที่มีสารสกัดจากคาโมมายล์ ให้ความชุ่มชื่นผิวล้ำลึกยาวนาน 24 ชั่วโมง* ทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใส และ จอห์นสัน มิลค์ + ไรซ์ เบบี้ ครีม ที่ผสานคุณค่าจากน้ำนมธรรมชาติและสารสกัดจากข้าว เพื่อการบำรุงผิวที่อ่อนโยน ทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน ช่วยเสริมเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรง ซึ่งความชุ่มชื้นในผิวจะทำให้อาการคันเบาบางลงได้

*ผลการทดสอบทางคลินิค ในผู้ทดสอบ 40 คน โดย CyberDERM Clinical Studies เดือน มี.ค. - เม.ย. 2560 ประเทศสหรัฐอเมริกา

3. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น

หลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นการเกิดผื่นคัน เช่น การสัมผัสสารเคมี การบริโภคอาหารที่ส่งผลให้เกิดการแพ้ และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิเย็นหรือร้อนเกินไป เนื่องจากสภาพแวดล้อมเหล่านี้อาจส่งผลกระตุ้นให้เกิดอาการคันได้

4. ทายาหรือทานยาตามคำแนะนำของแพทย์

หากอาการผื่นคันรุนแรงขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยประเมินความรุนแรงของอาการและเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม

5. รักษาด้วย UV Phototherapy

UV Phototherapy เป็นการรักษาโรคผิวหนังผ่านแสงอัลตราไวโอเลต A และ B ช่วยลดความไวในการตอบสนองของระบบภูมิคุ้ม ยับยั้งการอักเสบของผิวหนัง สำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบเรื้อรังหรือผู้ที่มีผื่นคันเรื้อรัง สามารถเลือกฉายแสงเฉพาะบริเวณที่เกิดผื่นคัน จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของอาการคันและการระคายเคืองในผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากอาการคันและระคายเคืองแล้ว ผื่นคันบางชนิดอาจบ่งบอกถึงสุขภาพของเราได้ หากลองเช็กอาการเบื้องต้นและดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอแล้วผื่นคันยังไม่หายหรือกลับมาเป็นซ้ำบ่อย ๆ ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำปรึกษาและรับการรักษาอย่างเหมาะสม

คำถามที่พบบ่อย

Q: ผื่นคัน ติดต่อได้ไหม

A: ผื่นคันที่เกิดจากภาวะการอักเสบของผิวหนัง ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นโรคติดต่อแต่อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมประจำวัน ควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นและหมั่นดูแลผิวจะช่วยให้อาการผื่นคันดีขึ้นได้

Q: ผื่นคัน หายเองได้ไหม กี่วันถึงจะหาย

A: ระยะเวลาของอาการผื่นคันขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของผื่นคันนั้น ๆ แต่โดยส่วนมากมีแนวโน้มดีขึ้นได้ภายใน 1 สัปดาห์ แต่หากมีอาการปวดหัว เป็นไข้ อาเจียนแบบเฉียบพลัน ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างละเอียด

Q: ผื่นแพ้สัมผัส เลือกครีมบำรุงผิวอย่างไรดี

A: เลือกครีมบำรุงผิวสูตรเฉพาะสำหรับผิวแพ้ง่ายที่ปราศจากสารเคมีและน้ำหอม ในการรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันความแห้งกร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอาการแพ้และก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิว