Skip to main content

รู้จักสาเหตุปากแห้ง ลักษณะอาการและวิธีดูแลรักษา

รู้จักสาเหตุปากแห้ง ลักษณะอาการและวิธีดูแลรักษา

1.jpg

“ริมฝีปาก” เป็นบริเวณที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความบอบบางมากกว่าส่วนอื่น ๆ บนใบหน้า แต่ไม่ว่าจะดูแล บำรุง และทำความสะอาดเป็นอย่างดีแค่ไหนก็อาจจะเกิดปัญหา “อาการปากแห้ง” ได้เสมอ ดังนั้นการเข้าใจสาเหตุและลักษณะอาการปากแห้ง จะช่วยให้เรามีวิธีการป้องกันและรักษาได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น

ภาวะปากแห้ง คืออะไร

เกิดจากการที่ต่อมน้ำลายไม่สามารถผลิตน้ำลายออกมาได้เพียงพอเพื่อให้ความชุ่มชื้นภายในช่องปากและริมฝีปากได้อย่างปกติ ส่งผลให้เกิดอาการริมฝีปากแห้ง, ปากลอก, มุมปากมีอาการผิวแตก หรือรู้สึกไม่สบายในช่องปากและรู้สึกแสบลิ้นจนทำให้มีปัญหาในการกลืน การเคี้ยวอาหาร การพูด หรือบางครั้งก็รู้สึกว่าปากเหนียว คอแห้ง และหิวน้ำบ่อย ๆ

อาการปากแห้ง มีสาเหตุเกิดจากอะไร

อาการปากแห้งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ดังนี้

  1. เกิดจากต่อมน้ำลายไม่สามารถผลิตน้ำลายออกมาเพียงพอ ต่อการให้ความชุ่มชื้นภายในช่องปากและริมฝีปากได้ จึงทำให้เกิดอาการปากแห้ง รู้สึกไม่สบายในช่องปาก คอแห้ง หรือกระหายน้ำบ่อย ๆ
  2. เกิดจากโรคบางชนิดที่ผู้ป่วยอาจจะได้รับการรักษาในรูปแบบต่าง ๆ ที่อาจมีผลข้างเคียงต่อการสร้างน้ำลายของต่อมน้ำลายได้น้อยลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาหรืออาการของโรคที่ทำให้เกิดภาวะปากแห้ง อย่างเช่น โรคเบาหวาน หรือ โรคทางระบบประสาท เป็นต้น
  3. เกิดจากการใช้ยาหรือสารเคมีบางชนิดที่ส่งผลต่อการทำงานของต่อมน้ำลาย ทำให้มีน้ำลายไม่เพียงพอเพื่อให้ปากชุ่มชื้นและทำให้เกิดอาการปากแห้งได้ เช่น ยาแก้แพ้ ยาต้านอาการซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิต ยารักษาสิว หรือสารเคมีในลิปสติก
  4. เกิดจากภาวะขาดน้ำ คือ ภาวะที่ร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอหรือสูญเสียน้ำมากกว่าที่ควรได้รับ ซึ่งอาจจะเกิดจากการดื่มน้ำน้อยจนเกินไป หรือเกิดจากอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่นอาการท้องเสีย อาเจียน มีไข้สูงจนทำให้เหงื่อออกมากกว่าปกติ
  5. เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น จะทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง จึงทำเนื้อบริเวณริมฝีปากบางลงเรื่อย ๆ อาจทำให้เกิดริ้วรอยที่ริมฝีปากและรอบ ๆ ริมฝีปากและอาการปากแห้งได้
  6. เกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ไม่ชอบจิบน้ำระหว่างวันทำให้ร่างกายขาดความชุ่มชื้น การเลียริมฝีปากบ่อย ๆ เนื่องจากในน้ำลายมีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหารซึ่งจะทำให้ปากแห้งมากขึ้นได้ หรือแม้แต่การหายใจทางปากหรือนอนกรน ก็ส่งผลให้คอแห้งและทำให้เกิดปากแห้งได้เช่นกัน

ปากแห้ง มีลักษณะอาการอย่างไรบ้าง

อาการปากแห้งที่พบทั่วไปในชีวิตประจำวัน มักเกิดจากภาวะขาดน้ำหรือความวิตกกังวล แต่อาการปากแห้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็อาจเป็นสัญญาณของโรคได้ ซึ่งอาการปากแห้งที่พบบ่อย ๆ มีดังนี้

  1. ปากแห้ง และรู้สึกเหนียว ๆ ในคอ
  2. มีอาการคอแห้ง และหิวน้ำบ่อย ๆ
  3. เจ็บภายในปาก หรือเจ็บบริเวณมุมปาก โดยจะมีผิวแตกแห้งหรือเป็นขุยที่มุมปาก
  4. มีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์
  5. แสบคอ เจ็บคอ จมูกแห้ง มีปัญหาในการเคี้ยว และการกลืนอาหาร
  6. มีอาการลิ้นแห้งร่วมกับปากแห้ง รู้สึกว่าลิ้นหยาบหรือแดงด้วย
  7. มีปัญหาในการพูด หรือการรับรู้รสชาติ

วิธีดูแลและรักษาริมฝีปากแห้งให้กลับมาชุ่มชื้น

เมื่อรู้และเข้าใจสาเหตุและอาการปากแห้งแล้ว ก็จะช่วยให้เรามีวิธีการป้องกันและรักษาได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น

1.ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอและริมฝีปากชุ่มชื้นอยู่เสมอ โดยหมั่นจิบน้ำในระหว่างวันและดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว

2.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำให้ปากแห้ง เช่น การเลียปากบ่อย ๆ, การหายใจทางปากที่อาจจะทำให้เกิดอาการปากแห้ง รวมถึงการสัมผัส หรือแกะปาก

3.ทาเบบี้ออยล์บำรุงปากให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ โดยใช้เบบี้ออยล์เพียง 1 หยด ทาบนริมฝีปากให้ทั่ว สามารถใช้ทาได้ตลอดเวลาเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากแห้ง

4.สครับปากด้วยสูตรธรรมชาติ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง แนะนำให้ใช้ อโลเวร่า แอนด์ วิตามินอี เบบี้ออยล์ ที่มีสารสกัดจากอโลเวร่าธรรมชาติ & วิตามินอี ซึ่งสามารถเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากได้ดี ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้มากถึง 10 เท่า* ผลิตจากมิเนอรัลออยล์บริสุทธิ์ อ่อนโยน สามารถใช้บริเวณริมฝีปากได้

*ผลทดสอบในห้องปฏิบัติการเทียบกับโลชั่น โดย Johnson & Johnson Consumer France เดือน ธ.ค. 2543

5.เพียงหนึ่งหยดผสมกับน้ำผึ้งแล้วนำไปทารอบ ๆ ริมฝีปากแล้วมาส์กปากทิ้ง 3-5 นาที จึงเช็ดออกด้วยน้ำอุ่น หรือผสมเบบี้ออยล์กับลิปบาล์มใช้เป็นลิปสลีปปิ้งมาส์กก็ได้ ซึ่งวิธีนี้สามารถทำได้ทุกวัน จะช่วยทำให้ริมฝีปากที่แห้ง ลอกเป็นขุย กลับมานุ่มชุ่มชื้นขึ้น

6.เลือกใช้ลิปสติกหรือลิปแคร์ที่มีมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นหรือบำรุงผิวริมฝีปากไปพร้อม ๆ กัน และควรเลือกใช้ลิปสติกที่มีส่วนผสมของสารกันแดดเพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดทำลายผิวริมฝีปากให้หมองคล้ำและทำให้ปากแห้งได้

7.ทานอาหารรสชาติเผ็ดและเค็มจัดให้น้อยลด เนื่องจากอาหารเผ็ดและเค็มจัดอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในปากได้

8.ทานอาหารที่มีส่วนผสมของวิตามินบี 2 ให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเรื่องผิวหนังและริมฝีปากแห้งได้ ทำให้ผิวหนัง เล็บ และเส้นผมมีสุขภาพดี รวมถึงป้องกันการเกิดแผลในช่องปากได้ด้วย พบได้มากในอาหารประเภท เนื้อสัตว์ ธัญพืช และผักใบเขียว

9.หลีกเลี่ยงหรือปรับปริมาณในการใช้ยาหรือการใช้สารเคมี ที่อาจส่งผลกระทบทำให้ริมฝีปากแห้งได้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนยานั้นควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาก่อนเสมอ ไม่ควรปรับหรือเปลี่ยนยาด้วยตัวเอง

ปัญหาริมฝีปากแห้งนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพร่างกาย สภาพอากาศ รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเราเอง ดังนั้นหากมีอาการปากแห้ง จึงควรรีบแก้ไขอย่างทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหรืออาการอื่น ๆ ตามมาได้ในภายหลังได้

คำถามที่พบบ่อย

Q. ปากแห้งอันตรายหรือไม่?

A.หากอยู่ในช่วงเริ่มต้นจะไม่เป็นอันตรายมากนัก เพียงแต่จะรู้สึกปากเป็นขุย ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจหรืออาจส่งผลต่อชีวิตประจำเล็กน้อย แต่ถ้าหากอาการปากแห้งนั้นรุนแรงมาก จนเกิดเป็นแผลที่ปาก อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและริมฝีปากเกิดอักเสบได้ ดังนั้นจึงควรรีบรักษาหรืออาจเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด

Q: ภาวะปากแห้งกับโรคเบาหวานเกี่ยวข้องกันอย่างไร

A: ภาวะเบาหวานจะส่งผลโดยตรงและทางอ้อมต่อการทำงานและโครงสร้างของต่อมน้ำลายในการสร้างน้ำลายให้เพียงพอในช่องปาก รวมถึงผลข้างเคียงจากการรักษาอาการเบาหวาน เช่น ยาลดอาการน้ำตาลในเลือดสูง การฟอกไต ภาวะขาดน้ำ โรคทางระบบประสาท ก็ยังเป็นสาเหตุหลักของอาการปากแห้งในผู้ป่วยเบาหวานด้วย