Skip to main content

11 วิธีดูแลผิวหน้า บำรุงผิวหน้าใสไม่หมองคล้ำ ดูเด็กตลอดเวลา

11 วิธีดูแลผิวหน้า บำรุงผิวหน้าใสไม่หมองคล้ำ ดูเด็กตลอดเวลา

1.jpg

การดูแลผิวหน้า ให้ผิวสวยสุขภาพดี สำคัญอย่างไร

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใบหน้าเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน การมีผิวหน้าที่มีสุขภาพดีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมความมั่นใจของเรายิ่งขึ้นไปอีก แต่การจะมีผิวหน้าที่สวยใสสุขภาพดีได้นั้น นอกจากพื้นฐานของผิวที่มาจากพันธุกรรมแล้ว การทำความเข้าใจสภาพผิว และการดูแลบำรุงผิวหน้าอย่างถูกวิธีก็จะช่วยให้เรามีผิวหน้าที่สวย สุขภาพดีได้ไม่ยาก เพียงเริ่มด้วย 11 วิธีดูแลบำรุงผิวหน้าเบื้องต้น ดังนี้

เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์

เพียงเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ อย่างผักและผลไม้ที่มีวิตามินสูง เช่น ส้ม, มันเทศ และฟักทอง ที่นอกจะช่วยในเรื่องขับถ่ายแล้วยังช่วยให้ผิวหน้าของเราดูสดใสกระจ่างใสด้วย อาหารที่อุดมไปด้วย Omega-3 เช่น วอลนัต ที่ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพให้กับระบบคุ้มกันผิวหนัง เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังและช่วยต่อต้านอาการผิวแห้งแพ้ง่าย รวมไปถึงการทานอาหารที่ให้โปรตีนสูง เช่น ไข่, เนื้อไก่ และถั่วแดง เพราะโปรตีนจะช่วยสร้างคอลลาเจนที่ช่วยบำรุงผิวของเราให้มีความแข็งแรงและยืดหยุ่น

พักผ่อนให้เพียงพอ

ควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้วันละ 7 – 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายสามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือดจะช่วยให้ผิวที่หมองคล้ำกลับมาสดใสได้ และยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยให้ผิวสดชื่นอีกครั้งด้วย

ลดความเครียด

ความเครียดไม่เพียงส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตเท่านั้นแต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวด้วย อาจทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาไม่ว่าจะเป็นสิว ผื่นแดง มีริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ ฉะนั้นควรผ่อนคลายความเครียดด้วยการหากิจกรรมเบา ๆ สนุก ๆ ที่ตัวเองชอบทำ อย่างการฟังเพลง หรือดูซีรีย์เรื่องโปรดวันละตอนก็ช่วยให้ลดความเครียดได้เช่นกัน

หรือคลายเครียดด้วยกลิ่นหอมที่ชื่นชอบก็เป็นอีกวิธีนึงที่มีประสิทธิภาพเช่นกัน เนื่องจากกลิ่นสามารถกระตุ้นระบบประสาทในสมองที่เกี่ยวข้องกับความผ่อนคลายทำให้รู้สึกสดชื่น เพราะฉะนั้นการใช้ จอห์นสันสีม่วง เบดไทม์ เบบี้ ออยล์ ที่มีกลิ่นหอมอโรม่าของดอกลิลลี่และมะลิ เป็นวิธีช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายจากความตึงเครียด แถมยังช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้นอีกด้วย

ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ผิวหนังของเรามีส่วนประกอบด้วยน้ำมากถึง 64% ดังนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย และยังช่วยในเรื่องผิวสวยสุขภาพดี ช่วยให้ใบหน้าชุ่มชื้นขึ้น ผิวพรรณสดใส ไม่แห้งกร้านได้ด้วย

ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นประจำวันละ 30-45 นาที นอกจากจะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายดีขึ้นแล้ว เหงื่อที่ออกมาจากรูขุมขนยังช่วยขับสิ่งสกปรกออกมาจากผิวของเราด้วย ทำให้ผิวพรรณของเราดูกระจ่างใส ช่วยให้ริ้วรอยลดเลือนลงทำให้หน้าดูเด็กลง ลดความหมองคล้ำ แถมยังช่วยลดปัญหาสิวและปัญหาสิวอุดตันด้วย

ทำความสะอาดผิวหน้า

เพราะการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญในการดูแลผิวหน้า ที่ไม่เพียงแต่ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงสุขภาพและความแข็งแรงของผิวหน้าอีกด้วย โดยทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำเปล่าที่อุณหภูมิ 35-38 องศา เพราะการใช้น้ำที่ร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไป จะเป็นการทำลายเกราะป้องกันผิวและกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบของผิว

หากคุณแต่งหน้า แนะนำให้ใช้จอห์นสันเบบี้ออยล์เพื่อขจัดคราบเครื่องสำอางอย่างล้ำลึกก่อน โดยหยดเบบี้ออยล์ลงบนใบหน้า นวดเบา ๆ ให้ทั่วแล้วเช็ดออกด้วยสำลี ปิดท้ายด้วยการล้างหน้าทำความสะอาดตามปกติด้วยโฟมล้างหน้าหรือสบู่ล้างหน้า เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่าง ๆ คราบความมันส่วนเกิน และฝุ่นละอองบนใบหน้า ก็จะช่วยให้ผิวหน้าของคุณสะอาดพร้อมรับการบำรุงผิวได้อย่างเต็มทียิ่งขึ้น

ขจัดเซลล์ผิวเก่า

การสครับผิวหน้าจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปและยังช่วยทำความสะอาดรูขุมขนที่เกิดการอุดตันด้วย ทำให้ผิวเนียนนุ่ม และสามารถดูดซึมสกินแคร์ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งวิธีผลัดเซลล์ผิวง่าย ๆ อาจจะทำด้วยสครับขัดหน้าจากธรรมชาติหรือผสมจอนห์สันเบบี้ออยล์เข้ากับเกลือขัดผิว แล้วขัดผิวให้ทั่ว เพียงทำเป็นประจำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ก็จะทำให้ผิวดูกระจ่างใส รูขุมขนกระชับขึ้น แถมเนียนนุ่มชุ่มชื้นอีกด้วย

ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด

2.jpg

การทาครีมกันแดดนอกจากจะเป็นการปกป้องผิวจากรังสี UV แล้วยังช่วยรักษาคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวให้คงความยืดหยุ่น ลดปัญหาผิวเหี่ยว จากแสงแดดที่มาทำลายชั้นผิวได้อีกด้วย ซึ่งการทาครีมกันแดดควรทาที่ปริมาณ 2 นิ้วมือเป็นอย่างน้อย ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับใช้ที่บริเวณใบหน้ารวมถึงลำคอ แนะนำให้แบ่งทา 2 รอบ รอบแรกให้ใช้ปริมาณ 1 ข้อนิ้วทาให้ทั่วใบหน้าและรอให้เนื้อครีมกันแดดทาหน้าได้ซึมเข้าสู่ผิวหนังประมาณ 5 นาที หลังจากนั้นก็ทาอีก 1 ข้อนิ้วที่เหลือ ก็จะช่วยให้ครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวของเราได้ดียิ่งขึ้น

นวดหน้า ผ่อนคลายผิว

การนวดหน้าเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและช่วยให้ผิวหน้าเกิดการผ่อนคลายได้ แนะนำให้ใช้เบบี้ออยล์เพียง 1-2 หยด หยดบนใบหน้าตอนผิวหมาด ๆ หรือหลังล้างหน้าทันที จากนั้นนวดเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้าจะช่วยให้ผิวดูดซึมสารบำรุงจากออยล์เข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้กลิ่นหอมของเบบี้ออยล์ยังช่วยให้ผิวผ่อนคลาย และเบบี้ออยล์ยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นใต้ผิวได้อย่างดี ทำให้ผิวแข็งแรง ปกป้องผิวหน้าจากมลภาวะได้อย่างดีอีกด้วย

มาสก์หน้า

3.jpg

การมาส์กหน้าช่วยดูแลผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวหน้าดูเปล่งปลั่งและสดใสทันทีหลังมาส์กหน้า โดยแนะนำให้เลือกใช้มาส์กหน้าแบบแผ่น เพราะเป็นมาส์กที่เหมาะกับทุกสภาพผิวและสามารถใช้ได้ทุกวัน จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับใบหน้าได้อย่างล้ำลึก แก้ปัญหารูขุมขนที่ใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เครื่องสำอางติดทนนาน ไม่หลุดลอกได้ง่าย

บำรุงหน้า

4.jpg

การดูแลบำรุงผิวหน้าควรทำทันทีหลังล้างหน้า ซึ่งเป็นตอนที่ผิวหน้าพร้อมรับกับการบำรุงมากที่สุด โดยใช้สกินแคร์ลงตามขั้นตอนการลงสกินแคร์ที่ถูกต้อง นอกจากนี้ควรทำความเข้าใจสภาพผิวของตัวเองด้วยเพื่อช่วยให้เราดูแลบำรุงผิวหน้าอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพที่สุด โดยเริ่มจากชโลมจอห์นสัน เบบี้ออยล์ ทันทีหลังล้างหน้าขณะที่หน้ายังเปียกอยู่แล้วซับหน้าให้แห้ง ออยล์จะเก็บกักความชุ่มชื้นให้ผิวได้นาน แล้วใช้โทนเนอร์เพื่อกระชับรูขุมขนและลดการอักเสบของผิว ตามด้วย เซรั่ม โลชั่น บำรุงผิวหน้า หรือครีมที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิว โดยใช้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอเพื่อผิวสดใสเนียนนุ่ม สุขภาพดี

เลือกออยล์บำรุงผิวหน้าให้เหมาะกับสภาพผิว

ผิวหน้าของคนเรามีหลายประเภท การเข้าใจสภาพผิวของตัวเองจะช่วยให้เราสามารถเลือกออยล์บำรุงผิวของแต่ละคนจึงแตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปแล้วสภาพผิวหน้าสามารถได้เป็น 5 ประเภท

ผิวธรรรมดา
“ผิวธรรมดา” เป็นผิวหน้าที่มีความสมดุลมากที่สุด ผิวบริเวณ T-zone (หน้าผาก จมูก และคาง) มีความมันเล็กน้อยและไม่แห้งจนเกินไป ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม หรือที่เรียกว่าผิวสุขภาพดีนั่นเอง

ผิวแห้ง
“ผิวแห้ง” เป็นผิวที่ผลิตความมันได้น้อยกว่าผิวธรรมดา จึงขาดความชุ่มชื้น ทำให้ผิวอาจจะลอกเป็นขุย หยาบกร้าน และดูหมองคล้ำได้ง่าย โดยเฉพาะหากอยู่ในสภาพอากาศที่เย็นนาน ๆ

ผิวมันมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย
“ผิวมัน” เป็นผิวที่มีการผลิตน้ำมันในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้เกิดความวาวของผิว สามารถมองเห็นรูขุมขนได้อย่างชัดเจน และมีแนวโน้มที่จะเป็นสิวได้ง่าย โดยเฉพาะจากบริเวณ จมูก หน้าผาก และ โหนกแก้ม

ผิวบอบบางและผิวแพ้ง่าย
“ผิวบอบบางและผิวแพ้ง่าย” มักพบในผู้ที่มีผิวแห้งมากหรือคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ คนที่มีผิวบอบบางจะเกิดปัญหาผิวแพ้ได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น ๆ เนื่องจากผิวขาดความสมดุลและเกราะป้องกันผิวถูกทำลาย จึงทำให้เกิดปัญหาผิวแพ้ง่ายตามมาด้วย

ผิวผสม (Combination Skin)
“ผิวผสม” คือผิวแห้งและผิวมันผสมกัน บริเวณ T-zone (หน้าผาก จมูก และคาง) ที่มีการผลิตไขมันมากกว่าบริเวณอื่น ทำให้มีโอกาสเกิดสิวที่บริเวณนี้ได้ง่าย ในขณะที่ผิวบริเวณ U-zone (รอบดวงตา แก้ม) จะมีลักษณะของผิวที่แห้ง มีการลอกเป็นขุย จากการขาดน้ำมัน

แต่ไม่ว่าคุณจะมีสภาพผิวประเภทใดก็สามารถใช้ จอห์นสัน เบบี้ ออยล์ ได้ ซึ่งเป็นออยล์บำรุงผิวที่เหมาะกับทุกสภาพผิวหน้า ช่วยให้ความชุ่มชื้นเสมือนน้ำมันที่เกิดจากผิวตามธรรมชาติ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น และรักษาสมดุลผิวหน้า เพียงใช้ในปริมาณ 1-2 หยดเท่านั้น ส่วนใครที่มีผิวหน้าค่อนข้างมันก็เเนะนำให้ใช้ในปริมาณที่น้อยลง และทาตอนผิวกำลังเปียกหมาด ๆ จะทำให้ผิวดูดซึมสารบำรุงจากออยล์เข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น

ประโยชน์ของจอห์นสันเบบี้ออยล์บำรุงหน้า

1. ผลิตจากมิเนอรัลออยล์บริสุทธิ์ที่อ่อนโยนและไม่ระคายเคืองผิว เหมาะกับทุกสภาพผิวหน้า

2. ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวเสมือนน้ำมันที่เกิดจากผิวตามธรรมชาติ และช่วยรักษาสมดุลผิวหน้าให้มีความอิ่มน้ำมากขึ้น

3. มีสารสกัดจากอโลเวร่าธรรมชาติ & วิตามินอี ช่วยยกระดับความชุ่มชื้นให้ผิว และมีคุณสมบัติที่สามารถช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กลับมาแข็งแรงได้

4. มีเนเชอรัคาล์ม® เอสเซนส์ อโรมา จากดอกมะลิ ที่ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ช่วยให้หลับสบาย และดอกลิลลี่ ช่วยให้จิตใจสบาย ร่างกายผ่อนคลายจากความตึงเครียด หอมผ่อนคลายสบายผิวก่อนนอน หลับสนิทแบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เคล็ดไม่ลับ วิธีการใช้เบบี้ออยล์บำรุงหน้า

product_image-min.png

1. ทาเบบี้ออยล์บำรุงหน้า ตอนผิวกำลังเปียกหมาด ๆ หรือหลังล้างหน้า เพราะจะทำให้ไม่รู้สึกเหนอะหนะมากเกินไป และทำให้ผิวดูดซึมสารบำรุงจากออยล์เข้าสู่ผิวได้ดี จะช่วยช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดียิ่งขึ้น

2. ใช้เบบี้ออยล์ เช็ดหรือล้างเครื่องสำ​อา​งแทน Cleansing​ หรือ Remover​ ได้ เพียงหยดเบบี้ออยล์ลงบนใบหน้าแล้วนวดวนให้ทั่วใบหน้าแล้วเช็ดออกด้วยสำลี ก็สามารถขจัดคราบเครื่อง​สำอางได้อย่างสะอาด และยังเป็นการบำรุงผิวหน้าไปในตัวด้วย

3. เบบี้ออยล์ใช้บำรุงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น บำรุงผมแห้งเสียไร้น้ำหนักให้กลับมามีสุขภาพ​ดี บำรุงเล็บและมือให้กลับมานุ่มเนียนอีกครั้ง หรือใช้ทาริมฝีปากช่วยทำให้ริมฝีปากแห้ง ลอกเป็นขุย กลับมาชุ่มชื้น ทาลิปสติกแล้วติดทน ไม่ตกร่อง